น้ำมันเครื่องแบบไหน ที่เหมาะกับรถคุณ?

“น้ำมันเครื่อง” นั้นเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยลดการเสียดสีและเสียดทานในขณะที่มีการเคลื่อนไหวของเครื่องยนต์ ช่วยหล่อลื่นชิ้นส่วนต่างๆ บนรถ ให้ทำงานได้อย่างสม่ำเสมอ และยังช่วยถ่ายเทความร้อนให้ชิ้นส่วนของเครื่องยนต์ ลดแรงเสียดทาน ป้องกันการเกิดสนิม การกัดกร่อน และยืดอายุการใช้งานของเครื่องยนต์ให้ยาวนานยิ่งขึ้น

วันนี้ TSL จะพาทุกท่านไปรู้จักการเลือกใช้น้ำมันเครื่อง โดยมี 4 วิธี ดังนี้

1. ตรวจสอบคู่มือรถ

การดูคู่มือรถเป็นขั้นตอนแรกที่ช่วยให้คุณเลือกน้ำมันเครื่องได้ตรงรุ่นที่สุด ภายในคู่มือจะระบุชนิด ความหนืด และมาตรฐาน API ที่ผู้ผลิตแนะนำ เช่น เบอร์ 20, 30, 40 หรือ 50 โดยตัวเลขยิ่งมาก ความหนืดก็ยิ่งสูง เหมาะกับสภาพการใช้งานที่หนักขึ้น รถใหม่มักใช้เบอร์ 20–30 ส่วนรถที่วิ่งเกิน 100,000 กม. หรือใช้งานหนักเหมาะกับเบอร์ 40–50 เพื่อให้เครื่องยนต์ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ

2. ดูประเภทของน้ำมันเครื่อง

น้ำมันเครื่องมีให้เลือก 3 ประเภท ซึ่งให้การปกป้องต่างกันตามรูปแบบการใช้งาน

  • สังเคราะห์ (Fully Synthetic): ทนร้อนดีเยี่ยม เหมาะกับรถสมรรถนะสูงหรือใช้งานหนัก ระยะเปลี่ยน 7,000–10,000 กม.

  • กึ่งสังเคราะห์ (Semi-Synthetic): ดูแลง่าย ราคาเข้าถึง เหมาะกับรถใช้งานทั่วไป ระยะเปลี่ยน 5,000–7,000 กม.

  • ธรรมดา (Mineral Oil): เหมาะกับรถที่ไม่ได้ใช้งานหนัก ระยะเปลี่ยน 3,000–5,000 กม.

3. พิจารณาจากรูปแบบการใช้งานจริง

หากใช้งานรถในเมืองเป็นหลัก รถติดบ่อย และสตาร์ท–ดับเครื่องบ่อย ควรเลือกน้ำมันเครื่องที่มีความหนืดต่ำกว่าเพื่อให้เครื่องทำงานลื่นและประหยัดน้ำมัน แต่หากขับทางไกล หรือใช้งานหนัก ควรเลือกความหนืดสูงขึ้นเพื่อการปกป้องที่ดีในอุณหภูมิสูง

4. เลือกยี่ห้อที่ได้มาตรฐาน

ควรเลือกน้ำมันเครื่องจากแบรนด์ที่น่าเชื่อถือ ผ่านการรับรองมาตรฐาน เช่น API หรือ ACEA เพื่อให้มั่นใจว่าได้คุณภาพที่ดีและเหมาะกับเครื่องยนต์ของรถคุณจริง ๆ

สุดท้ายนี้ ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันเครื่องธรรมดาหรือน้ำมันเครื่องสังเคราะห์ ก็ให้ประโยชน์และทำหน้าที่หล่อลื่นให้กับเครื่องยนต์เช่นกัน เพียงแต่น้ำมันเครื่องสังเคราะห์จะมีสิ่งเจือปนน้อยกว่า ทำให้น้ำมันเครื่องสังเคราะห์มีความสม่ำเสมอกว่าน้ำมันเครื่องธรรมดา จึงทำให้ราคาของน้ำมันสังเคราะห์มีราคาแพงกว่าน้ำมันธรรมดา แต่สิ่งสำคัญที่จะช่วยดูแลเครื่องยนต์ของคุณได้ดีที่สุด ก็คือ เปลี่ยนน้ำมันเครื่อง ตามระยะเวลาเปลี่ยนถ่ายที่คู่มือรถระบุไว้

หรือถ้าไม่อยากวุ่นวายกับการเลือกซื้อ หรือจดจำว่ารถยนต์ของคุณเหมาะกับน้ำมันเครื่องแบบไหน ให้ 𝐓𝐒𝐋 𝐀𝐮𝐭𝐨 𝐒𝐞𝐫𝐯𝐢𝐜𝐞 ช่วยดูแลได้เลย! เรามีทีมช่างที่พร้อมให้บริการสำหรับรถยนต์ทุกรุ่น-ทุกแบรนด์ และหากต้องการความมั่นใจเต็มร้อยในการเดินทางทุกเส้นทาง อย่าลืมตรวจเช็กสภาพรถกับผู้เชี่ยวชาญที่ไว้ใจได้อย่าง TSL Auto เพราะเราเชื่อว่า “ความปลอดภัยของคุณ ควรได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด”

Previous
Previous

ยางสึกไม่เท่ากัน…อันตรายกว่าที่คิด!

Next
Next

ทำไมน้ำมันรถยนต์รั่ว อันตรายถึงชีวิต?!