เกียร์รถยนต์พัง เกิดจากอะไร?!
รถเกียร์ออโต้ สร้างความสะดวกสบายในการขับขี่ ใช้งานง่าย และเป็นระบบที่นิยมสำหรับรถสมัยใหม่ โดยที่ผู้ขับขี่ไม่ต้องกังวลเรื่องการหาจังหวะเกียร์รถยนต์ หากใช้งานโดยปราศจากความเอาใจใส่ ไม่ถนุถนอมในการใช้งาน นอกจากจะเสียเวลาแล้ว ก็ยังต้องเสียค่าซ่อมแซมที่ราคาค่อนข้างสูงอีกด้วยวันนี้ทาง TSL มีคำแนะนำมาให้ทุกท่าน เพื่อรักษาเกียร์ให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ป้องกันปัญหาเกียร์พัง และยืดอายุการใช้งาน โดยสาเหตุหลักๆ ของเกียร์พัง มีดังนี้
1. เกียร์สึกหรอ
เกียร์เป็นชิ้นส่วนที่มีการเสียดสีกันอยู่ตลอดเวลา เมื่อใช้งานไปนาน ๆ เกียร์จะสึกหรอ ทำให้เกิดปัญหา เช่น เกียร์รูด เกียร์ไม่เข้า เกียร์ออโต้กระตุก
2. พฤติกรรมการขับขี่
เปลี่ยนเกียร์กะทันหันในขณะที่รถยังไม่นิ่ง, เหยียบคันเร่งแรงๆ บ่อยๆ, ใส่เกียร์ว่างในขณะที่รถกำลังแล่นอยู่ หรือ เข้าเกียร์ P ในขณะที่รถยังไม่หยุดนิ่ง
วิธีดูแลและป้องกัน
1. เปลี่ยนน้ำมันเกียร์ตามระยะเวลาที่กำหนด: น้ำมันเกียร์มีหน้าที่หล่อลื่นชิ้นส่วนต่างๆ ในเกียร์ ช่วยลดการเสียดสี และช่วยระบายความร้อน เมื่อน้ำมันเกียร์เสื่อมสภาพ จะทำให้เกียร์ทำงานผิดปกติ
• เกียร์ออโต้: ควรเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ทุก 40,000 - 60,000 กม. หรือตามคำแนะนำในคู่มือรถ
• เกียร์ธรรมดา: ควรเปลี่ยนน้ำมันเกียร์ทุก 80,000 - 100,000 กม. หรือตามคำแนะนำในคู่มือรถ
2. ตรวจเช็คระดับน้ำมันเกียร์เป็นประจำ: ควรตรวจเช็คระดับน้ำมันเกียร์อย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง โดยใช้ก้านวัดระดับน้ำมันเกียร์
• ระดับน้ำมันเกียร์ควรอยู่ระหว่างขีด MAX และ MIN
3. ขับขี่อย่างระมัดระวัง:
• ไม่เปลี่ยนเกียร์กะทันหัน
• ไม่เหยียบคันเร่งแรงๆ บ่อยๆ
• ไม่ใส่เกียร์ว่างในขณะที่รถกำลังแล่นอยู่
• ไม่เข้าเกียร์ P ในขณะที่รถยังไม่หยุดนิ่ง
• เร่งเครื่องค่อยๆ เมื่อทำการสตาร์ทรถ
• เร่งเครื่องค่อยๆ ไม่เหยียบคันเร่งหนัก
4. ตรวจเช็คเกียร์อย่างสม่ำเสมอ:
ควรนำรถเข้าตรวจเช็คเกียร์กับช่างผู้ชำนาญอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง โดยช่างจะตรวจสอบสภาพของเกียร์ น้ำมันเกียร์ ชิ้นส่วนต่างๆ ของเกียร์ การดูแลรักษาเกียร์ จะช่วยยืดอายุการใช้งานของเกียร์ และช่วยป้องกันปัญหาเกียร์พัง
และหากต้องการความมั่นใจเต็มร้อยในการเดินทางทุกเส้นทาง อย่าลืมตรวจเช็กสภาพรถกับผู้เชี่ยวชาญที่ไว้ใจได้อย่าง TSL Auto เพราะเราเชื่อว่า “ความปลอดภัยของคุณ ควรได้รับการดูแลอย่างดีที่สุด”
